เจ้าพระยานิกรบดินทร์มีบัญชาให้พระยาวิเศษฤาไชยทำแผนที่ตำบลบ้านท่าถ่าน แล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงทอดพระเนตรทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดเกล้าฯ ว่า จากทำเลที่ตั้งบ้านท่าถ่านเดินทางไปเมืองฉะเชิงเทราใช้เวลา 1 คืน เมืองพนัสนิคม 1 วัน จะขึ้นไปเมืองปราจีนบุรีใช้เวลา 1 วัน ไร่นาที่ทำมาหากินก็มีมาก ควรจะยกฐานะขึ้นเป็นเมืองได้ จึงให้เจ้าพระยานิกรบดินทร์ปรึกษากับพระยาวิเศษฤาไชยแบ่งที่เขตแดนเป็นเมืองท่าถ่าน แล้วจัดหานายกกองยาว ปลัดกองลาว พวนคนใดที่เหมาะสมเป็นเจ้าเมือง ปลัด ยกกระบัตร กรรมการ เพื่อให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองกรมการรับราชการต่อไป
เจ้าพระยานิกรบดินทร์กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ได้รับใส่เกล้าฯ ปรึกษาพระยาวิเศษฤาไชยจะแบ่งที่ตั้งแต่ปากคลองเจ้าโล้ออกไปบ้านท่าถ่านตลอดปลายคลองบรรจบเข้าพระสทึง ตั้งแต่ไหล่เขาตับมาบรรป? ลงมาถึงบ้านบางแตน? จากลำน้ำใหญ่ เป็นแขวงเมืองท่าถ่านตั้งแต่ปากคลองข้างใต้ตลอดไปจนปลายคลองถึงเชิงเขาเป็นแขวงเมืองฉะเชิงเทรา แต่ที่เจ้าเมืองนั้นได้รับใส่เกล้าฯ ปรึกษานายกองปลัดกองลาวพวน ลาวพวนเวียงจันทร์ ทั้ง 8 กอง เห็นว่าท้าวเพชรบุตรท้าวเหมร เป็ฯคนเก่าแก่ได้เป็นนายว่ากล่าวบ่าวไพร่มาช้านาน พอจะเป็นเจ้าเมืองได้ เมื่อปรึกษาพระยาวิเศษฤาไชยก็เห็นชอบที่ จะรับพระราชทานท้าวเพชรเป็นเจ้าเมืองท้าวอ้นเป็นปลัด ขุนไสรสุนทรจางวางสวยทองเป็นยกกระบัตร ท้าวตันเป็นผู้ช่วย รับราชการแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ จึงพระราชดำริว่า ซึ่งเจ้าพระยานิกรบดินทร์ปรึกษาพระยาวิเศษฤาไชย จัดแจงแบ่งที่เขตแดนให้ตั้งเมืองแล้วเลือกสรรเอาท้าวเชรเป็นเจ้าเมืองนั้นชอบแล้ว โปรดเกล้าฯ ทรงขนานนามย่านท่าถ่านเป็นเมืองพนมสารคาม ให้พระราชทานนามสัญญาบัตรประทับตราพระบรมราชโองการตั้งท้าวเพชรเป็นที่พระพนมสารนรินทร์ ถือศักดินา 3000 ไร่
ถาดหมากกาไหล่ทองสำรับหนึ่ง
คนโทกาไหล่ทองสำรับหนึ่ง
สายประคำทองสายหนึ่ง 111 เม็ด
(เลือน)
กระบี่บั้งเงินหนึ่ง
โปรดให้พระราชทาน สัปทน
เสื้อทรงประพาส
เสื้ออัตลัต
พร้อมด้วยหลวงปลัดกรมการตามจดหมายอย่างธรรมเนียมสืบไปและให้พระพนมสารนรินทร์เจ้าเมืองมีใจโอบอ้อมเมตตากรุณาแก่สมณชีพราหมณ์กรมการ นายกอง ปลัดกอง ลาวส่วยทอง ไพร่พลเมืองลูกค้าวาณิช
ตั้งส่วยทอง ร.4 ตั้งบ้านท่าถ่านเป็นเมืองพนมสารคาม ปีจุลศักราช 1221
(พ.ศ.2402) เลขที่ 137 สมุดไทยดำ เส้นดินสอ