รู้เขา รู้เรา รู้โลก รู้โศก รู้สุข ไม่สิ้นหวัง เพราะอ่านได้อ่านดีมีพลัง ห้องสมุดคือขุมคลังของชีวิต สุจิตต์ วงษ์เทศ
 
รายการหลัก
 
 
MENU LINK :
 
 
 
จำนวนผู้เยี่ยมชม
Website Hit Counter

 

 

 

บทความประกอบการอ่าน โครงการรักการอ่าน

นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด : คอลัมน์ชาวบ้านร้านตลาด โดย ภาณุมาศ ทักษณา

                    ขอขอบคุณเจ้าของสำนวน "นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด" มา ณ โอกาสนี้นะครับ เพราะวันนี้สังคมไทยกำลังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เพราะนักการเมืองเอาแต่ "ยื่นปลา" ให้จริงๆ ครับ
                    รายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า ในปี 2555 สัดส่วนของหนี้สินครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากปี 2554 ที่มีอยู่ 55.8 % ของครัวเรือนทั่วประเทศ หรือประมาณ 134,900 บาท สศช.บอกด้วยว่า สาเหตุที่หนี้สินของชาวบ้านทะยานขึ้นเป็นหลักแสนต่อครัวเรือนมาจากนโยบายของ รัฐบาลที่ "ยัดเยียด" โครงการเงินกู้ให้ชาวบ้านตะบี้ตะบันกู้ ไม่ว่าจะกู้ไปซื้อบ้านหลังแรก หรือซื้อรถยนต์คันแรก และไม่เพียงเท่านั้น ยังมาจากนโยบายปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่แข่งขันเหมือนกับจะแก่งแย่ง ลูกค้าให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ด้วยการปล่อยกู้ไปซ่อมบ้าน หรือให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งจำเป็นและไม่จำเป็นด้วยบัตรเครดิต
                     แต่แทนที่รัฐบาลจะเน้นการช่วยเหลือชาวบ้านให้รู้จักช่วยตัวเอง รัฐบาลกลับแก้ปัญหาด้วยการเตรียมหาเงินไปแจกชาวบ้านในชนบทในนาม "กองทุน" บ้าบอคอแตกหลากหลายโครงการ ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็รู้ตัวว่า ตัวเองก็ไม่มีเงิน ต้องไปกู้เขามา
                    นี่คือปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรตระหนักและใส่ใจครับ วันนี้ชาวบ้านชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะชาวบ้านต้องซื้อหามากินมาใช้ ทั้งๆ ที่บางอย่าง หากนักการเมืองสอนและสนับสนุนให้ชาวบ้านรู้จักทำขึ้นมา ก็คงจะช่วยชาวบ้านประหยัดเงินได้โขทีเดียว ที่ผมกล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะผมมีโอกาสเดินทางไปดูการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ของสมาชิก "ชมรมคนรักในหลวง" ที่ "คณะบุคคลพอเพียง" ให้การสนับสนุนในหลายจังหวัดมาแล้ว และพบว่าชาวบ้านที่เป็นสมาชิกของชมรมหลายครอบครัวไม่อนาทรร้อนใจกับพืช ผัก หรือ เนื้อสัตว์ คนในเมืองร้องโอดโอยให้รัฐบาลช่วยเลยแม้แต่น้อย

                    ได้สัมผัสชีวิตของชาวชนบทที่เป็นสมาชิก "ชมรมคนรักในหลวง" ที่อยู่กันอย่าง "พอเพียง" แล้ว ทำให้ผมอดเคืองนักการเมืองที่อาสาเข้ามาบริหารบ้านเมืองไม่ได้ครับ ทุกพรรคการเมืองต่างก็ให้สัญญาว่าจะทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลา 80 ปีเต็มแล้วนะครับ ที่บ้านเมืองอยู่ในมือนักการเมือง แต่ชีวิตคนไทยก็หาได้ดีขึ้นมาไม่ แทนที่นักการเมืองจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงทรงชี้ทางสว่างไว้ให้ ด้วยน้อมนำ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ไปส่งเสริมให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ วันนี้คนไทยคงไม่ลำบากกายและทุกข์ใจกันอย่างนี้หรอกครับ
                    ผมทราบจาก "คณะบุคคลพอเพียง" ว่า จากการติดตามการทำงานของภาครัฐและเอกชนที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผย แพร่ให้ชาวบ้านทำแล้วพบว่า ในหลายพื้นที่ชาวบ้านเหมือนถูกทอดทิ้ง จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อดีตนายทหารและนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง จึงตั้ง "คณะบุคคลพอเพียง"ขึ้นเมื่อปลายปี 2554 เพื่อน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ในพื้นที่ที่ชาวบ้านยังไม่รู้ไม่ เข้าใจ ด้วยการส่งวิทยากรเข้าไปแนะนำว่าเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นอย่างไร หรือหากไปพบว่าพื้นที่ใดเคยมีเค้าโครงของเศรษฐกิจพอเพียงอยู่แต่ถูกทอดทิ้ง ไป คณะบุคคลพอเพียงก็จะยื่นมือเข้าไปสานต่องานเสมือนเป็น "พี่เลี้ยง"ให้แก่ชาวบ้าน
                   หรือพูดง่ายๆ ก็คือ "คณะบุคคลพอเพียง" จะทำหน้าที่ "นำเบ็ด" ที่พระราชาพระราชทานไว้ ไปแจกให้ชาวบ้าน และสอนชาวบ้านจนกว่าชาวบ้านจะหาปลากินเองได้ โดยในปีนี้มีเป้าหมายอยู่ 10 จังหวัด ผมทราบจุดมุ่งหมายของคณะบุคคลผู้จงรักภักดีต่อในหลวงอย่างนี้แล้ว ผมจึงรับอาสาที่จะทำหน้าที่เผยแพร่การทำงานทั้งหมดผ่านสื่อมวลชนไปยังสังคม ไทยด้วยความเต็มใจ เหมือนที่กำลังรายงานให้แฟนคอลัมน์ชาวบ้านร้านตลาดได้รับทราบในวันนี้แหละครับ.




หนังสือพิมพ์ คมชัดลึกออนไลน์ปีที่11 ฉบับที่์ 3880 วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2555

กลับหน้าหลัก