2. 4,000 ปีมาแล้ว มีคนตั้งชุมชนใกล้เคียงพนมสารคาม
4,000 ปีมาแล้ว แรกรู้จักถลุงโลหะในดินแดนอุษาคเนย์ เช่น สัมฤทธิ์ (ที่ต่อไปข้างหน้าจะหล่อพระพุทธรูปและเทวรูป พบมากทางลุ่มน้ำยม - น่าน เช่น สุโยทัย, พิษณุโลก ฯลฯ กับลุ่มน้ำป่าสัก เช่น ลพบุรี, เพชรบูรณ์ ฯลฯ
พนมสารคามยุคนี้ยังไม่พบหลักฐานว่ามีคนมาตั้งหลักแหล่งถลุงโลหะ แต่บริเวณต่อเนื่องไปทางอำเภอพนัสนิคม (ชลบุรี) พบชุมชนสำคัญทางชายทะเลฝั้งตะวันออก มีพยานหลักฐานหลายอย่างที่น่าเชื่อได้ว่าเคยกระจัดกระจายร่อนเร่มาถึงบริเวณพนมสารคาม
บรรพชน "คนตะวันออก" เมื่อ 4,500 ปีมาแล้ว
บรรพชนคนชายฝั่งทะเลตะวันออก มีหลักฐานเก่าสุดว่ามีชีวิตอยู่เมื่อราว 4,500 ปีมาแล้ว หรือร่วมยุคกับ "คนบ้านเชียง" (อุดรธานี) นักโบราณคดีขุดพลหลักฐานบริเวณป่าชายเลนริมทะเลโคลนตมที่บ้านหนองโน กับบ้านโคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
ก่อนบรรพชนคนชายฝั่งทะเลตะวันออกจะมาตั้งหลักแหล่งชั่วคราวและถาวรอยู่บ้านหนองโนบริเวณนี้เคยเป็นสุสานหอย เพราะมีซากเปลือกหอยนานาชนิดมากกว่า 6 ล้านฝา ส่วนมากเป็นหอยตลับ พบบนหาดทรายและจมอยู่ในทะเลโคลนตมมากกว่า 4,500 ปีมาแล้ว นับเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
บรรพชนคนที่หนองโน แสวงหาอาหารจากธรรมชาติ เช่น ออกทะเลจับสัตว์น้ำ มีปลาฉลาม ปลาโลมา เข้าป่าล่าสัตว์ มีกวาง วัวป่า ความป่า เป็นต้น รู้จักปรับแต่งดัดแปลงกระดูกสัตว์ป่าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น เบ็ดตกปลา เครื่องมือปลายแหลม เป็นต้น ใช้ขวานหินขัด ทำจากหินเนื้อละเอียดรู้จักปั้นภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ แต่ยังไม่รู้จักเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ มีประเพณีฝังศพในท่าขดและงอตัว แล้วฝังสิ่งของเครื่องใช้ลงไปในหลุมให้กับผู้ตาย
ครั้นหลัง 4,500 ปีมาแล้ว คนอีกพวกหนึ่งอยู่รวมกันที่บ้านโคกพนมดี ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำกว้างบริเวณชวากทะเล คงจะเป็นที่ลุ่มต่ำ ชื้นแฉะ และนำ้ทะเลขึ้นถึง และน่าจะมียุงชุมเพราะขุดพบหลักฐานกองไฟมากมาย อาจเกิดจากการสุมไฟจากไม้พวกโกงกางให้ควันไฟไล่ยุงยุคนั้น
คนที่โคกพนมดีเริ่มเพาะปลูกข้าวได้เองตามบริเวณหนองน้ำจืด ใช้จอบหินแกรนิตปรับหน้าดินและใช้เปลือกหอยน้ำจืดทำเป็นเคียวหรือมีด ต่อมาสภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอีก ระดับน้ำทะเลมีระดับสูงขึ้น เป็นผลให้สภาพพื้นที่ใกล้เคียงเป็นป่าเลนน้ำเค็ม ทำให้การเพาะปลูกข้าวมีปัญหาและต้องหยุดปลูกข้าวในทีสุด การติดต่อแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่นทวีความสำคัญมากขึ้น
ผู้หญิงที่บ้านโคกพนมดี เมื่อราว 4,500 ปีมาแล้ว มีสถานะและบทบาททางสังคมสูงมาก ชำนาญในการผลิตภาชนะดินเผา มีภาระหน้าที่แลกเปลี่ยนสิ่งของติดต่อกับชุมชนอื่น นำสิ่งของหายากจากที่ห่างไกลเข้า
|
แผนที่ชายทะเลตะวันออก แสดงแหล่งโบราณคดีบ้านหนองโน และแหล่งโบราณคดีโคกพนมดี |
มาสู่ชุมชน เช่น เปลือกหอยมือเสือ งาช้าง หินชนวน ใช้ทำเป็นเครื่องประดับ อาจแลกเปลี่ยนข้าวจากที่อื่นมากินด้วย
ผู้หญิงมีบทบาทสูงในชุมชน ทำให้มีสถานะเหนือกว่าคนทั่วไป เมื่อลูกสาวตายขณะยังเล็ก ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ สิ่งของที่ฝังลงไปกับศพเด็กจึงเต็มไปด้วยของที่มีค่าและประดับประดาศพมากมาย
เมื่อมีคนตาย ฝังศพไว้ใต้ถุนเรือน แบ่งพื้นที่ฝังศพของแต่ละตระกูล จัดระเบียบคั่นด้วยแนวยาวของเปลือกหอยที่ทับถมเป็นกองสูง มีเปลือกหอยกองหนึ่งนับได้ราว 137,000 ฝา ส่วนใหญ่เป็นหอยแครง
ศพแต่ละตระกูลซ้อนทับสืบทอดกันมาหลายศตวรรษ บางศพพบซากไม้รองศพอยู่ บางศพพบเยื่อไม้หรือเส้นใยสีขาว อาจเป็นเปลือกไม้ถูกทุบหรือแร่ใยหินใช้มัดตัวศพ
พบก้อนอุจจาระของบรรพชนคนฝั่งทะเลตะวันออกเมื่อหลายพันปีมาแล้ว มีก้างปลาและแกลบข้าวปนอยู่ด้วย วิเคราะห์แล้วเป็นข้าวปลูก ส่วนอีกศพหนึ่งพบกากอาหารมื้อสุดท้ายหลงเหลืออยู่ที่บริเวณช่องท้อง พบ "อาหารมื้อสุดท้าย" มีข้าว ปลา เพราะพลเกล็ดปลา ก้างปา พร้อมแกลบข้าวป่า เพราะบริเวณนี้น้ำเค็มไม่เหมาะกับการปลูกข้าว
พบกระดูกหมาเป็นครั้งแรก หมาเป็นสัตว์ที่มาจากถิ่นอื่น เพราะไม่มีถิ่นกำเนิดในสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 แห่งยังไม่รู้จักเลี้ยงหมาหรือสัตว์ประเภทอื่น
|
|
เบ็ดตกปลาทำจากกระดูกสัตว์ ที่โคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ขนาดของเบ็ดยาวประมาณ 4 เซนติเมตร |
|
ขวานหินขัดจากโคกพนมดี คล้ายคลึงกับที่พบจากหนองโน ขวานหินขัดเล่มซ้ายสุด วัดตามขวางได้ 4.8 เซนติเมตร |
ภาชนะดินเผาจากโคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี มีรูปร่างและลวดลายแบบต่าง ๆ |
พวกผู้ชายมีกระดูท่อนบนของร่างกายกำยำ แสดงถึงความบึกบึนของร่างกาย ผู้หญิงมีร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์ และมีลูกแล้ว คนพวกนี้ออกทะเลไปจับปลา และมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกับกลุ่มชนบทที่อยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน แลกเปลี่ยนวัสดุมาทำเครื่องมือหิน
ในขณะที่หนองโนฝังคนตายในท่างอตัว แต่ที่โคกพนมดีฝังในท่านอนหงายเหยียดยาว
ผู้หญิง "เจ้าแม่" เป็นใหญ่ในสังคมดึกดำบรรพ์
ผู้หญิงกับผู้ชายมีฐานะทางสังคมต่างกัน มีหลักฐานจากประเพณีทำศพเมื่อหลายพันปีมาแล้วศพผู้ชายศพหนึ่งมีเครื่องประดับทำจากกระดองเต่าฝังไว้ใกล้ ๆ ส่วนศพผู้หญิงศพหนึ่งมีหินดุดินเผาฝังไว้ด้วย
ศพของหญิงสาวประดับประดาด้วยเครื่องประดับทำจากลูกปัดเปลือกหอยกว่า 120,000 เม็ด ภาชนะดินเผาหลายใบ หินดุดินเผาและหินขัดภาชนะดินเผาอีก 2 ก้อน ศพข้าง ๆ เป็นศพเด็ก มีลูกปัดนับหมื่นเม็ด และมีหินดุดินเผาขนาดเล็ก ทั้ง 2 ศพมีสิ่งของที่มาจากต่างถิ่นฝังไว้อยู่ด้วย บางศพฝังอยู่ใต้ถุนมีพื้นยกสูง
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าฐานะของผู้หญิงได้รับการยกย่องอย่างสูง อาจเป็นถึง "เจ้าแม่" ก็ได้
|
|
"อาหารมื้อสุดท้าย" พบในบริเวณช่องท้องของศพผู้หญิงประกอบด้วยข้าวเปลือก กระดูก เกล็ด และก้างของปลาหมอ |
แถบสีขาวที่เห็นบนโครงกระดูกของทารก คือ แร่ใยหินที่ใช้ห่อตัวศพ แร่ไยหินนี้ในสมัยที่อาณาจักรโรมันเรืองอำนาจมีค่ามากกว่าทองคำ เพราะทนต่อความร้อน เมื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใยและทอเป็นผืนมีความมันวาวและสวยงาม ที่โคกพนมดีนี้นับได้ว่าการนำเอาแร่ใยหินมาใช้ประโยชน์เก่ากว่าที่อื่นใด |
|
|
ศพของ "เจ้าแม่แห่งโคกพนมดี" ประดับประดาด้วยลูกปัดเปลือกหอยแบบตัว I และแบบแว่นกลมบางกว่าแสนเม็ด แผ่นวงกลมมีเดือย กำไลข้อมือ และเครื่องประดับศีรษะ เป็นต้น โครงกระดูกของเจ้าแม่เต็มไปด้วยดินเทศสีแดง |
ที่ข้อเท้าของศพ "เจ้าแม่แห่งโคกพนมดี" มีหินดุดินเผาและเปลือกหอย 1 ฝา บรรจุก้อนหินกรวดที่ใช้สำหรับขัดผิกภาชนะ 2 ก้อน สิ่งของเหล่านี้น่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวที่ผู้ตายเคยใช้ปั้นภาชนะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ และภาชนะดินเผาที่ฝังร่วมกับศพนี้อาจจะปั้นโดยผู้ตายก็เป็นได้ |
|
|
ส่วนหนึ่งของเครื่องประดับที่พบจากศพของ "เจ้าแม่แห่งโคกพนมดี" เช่น เครื่องประดับทำจากเปลือกหอยทะเล ลูกปัดเปลือกหอยแบบต่าง ๆ และเขี้ยวสัตว์เจาะรูเป็นต้น |
ศพทารกอายุประมาณ 2 ขวบ ถูกฝังอยู่ข้าง ๆ ศพของ "เจ้าแม่แห่งโคกพนมดี" ลักษณะการฝังและสิ่งของลงไปด้วยคล้ายคลึงกับที่พบจากศพของเจ้าแม่ เช่น หินดุแต่มีขนาดจิ๋วอยู่ที่บริเวณข้อเท้า โครงกระดูกมีสีแดงเป็นผลมาจากการโรยดินเทศสีแดงปกคลุมศพ |
|